ThaiLLM
Thai Open Source AI
ประเทศไทยจะก้าวขึ้นเป็นผู้เล่นหลักด้าน AI ได้ จำเป็นต้องมีระบบนิเวศที่ส่งเสริมและสนับสนุนที่ดี
การสร้าง AI Ecosystem ที่หลากหลายและยั่งยืน ต้องอาศัยเครื่องมือ เทคโนโลยี โมเดล และข้อมูลที่เปิดให้ทุกคนเข้าถึงและมีส่วนร่วม หนึ่งในรากฐานสำคัญของระบบนิเวศนี้คือ Open Source AI Infrastructure ที่เอื้อต่อการพัฒนาและใช้งาน AI อย่างทั่วถึงและสร้างสรรค์

ทำไมเราต้องพัฒนา Open Source AI Infrastructure
ลดการพึ่งพาต่างชาติ
ปัจจุบันโครงสร้างพื้นฐาน AI ส่วนใหญ่พัฒนาและควบคุมโดยบริษัทใหญ่จากต่างประเทศ (เช่น Google, OpenAI, Meta ฯลฯ) ถ้าไม่มีโครงสร้างพื้นฐานของตัวเอง ประเทศจะต้องพึ่งพาโมเดลและเครื่องมือจากต่างชาติทั้งทางด้านเทคนิคและการกำกับดูแลข้อมูล
เร่งการพัฒนา AI ที่เข้าใจบริบทไทย
Open Source ช่วยให้สามารถนำโมเดลไปฝึก (fine-tune) ให้เข้าใจภาษาไทย วัฒนธรรมไทย และบริบททางสังคม/ธุรกิจในประเทศ ตัวอย่างเช่น โมเดลภาษาไทยที่เข้าใจศัพท์ราชการหรือศัพท์ท้องถิ่น ย่อมมีประโยชน์ต่อภาครัฐและเอกชนในประเทศ
ลดต้นทุนการเข้าถึงและสร้างนวัตกรรม
หากทุกฝ่ายต้องจ่ายค่าใช้โมเดลจากต่างประเทศตลอด จะกลายเป็นอุปสรรคสำหรับนักพัฒนาและ SME ซึ่ง Open Source จะเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพ มหาวิทยาลัย หรือนักวิจัยนำไปพัฒนาต่อได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายสูง
ส่งเสริมความโปร่งใสและความมั่นคง
เมื่อใช้ระบบปิดจากต่างประเทศ เราไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าโมเดลนั้นมี bias หรือมีความเสี่ยงอย่างไร การใช้ Open Source ทำให้สามารถตรวจสอบ โต้แย้ง และปรับแต่งโมเดลให้เหมาะสมกับมาตรฐานจริยธรรมและกฎหมายของไทย
สร้างโอกาสในการพัฒนาทักษะบุคลากร
เปิดโอกาสให้นักพัฒนาคนไทยได้ฝึกฝนการใช้ เทรน และ deploy AI อย่างลึกซึ้ง กระตุ้นการสร้าง community และระบบนิเวศ AI ในประเทศ
ต่อยอดสู่นโยบายดิจิทัลแห่งชาติ
รัฐบาลสามารถนำโครงสร้างพื้นฐาน Open Source ไปประยุกต์ใช้กับบริการสาธารณะ เช่น ระบบแปลภาษา ระบบช่วยตอบคำถามภาครัฐ ระบบช่วยการเรียนรู้ ฯลฯ เป็นรากฐานสำคัญของนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล
ThaiLLM - Thai Large Language Model
โครงการพัฒนา Open Source/Open License โครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์สำหรับภาษาไทย มุ่งสร้างความมั่นคงด้านภาษาไทยของประเทศ และเป็นการยกระดับ AI ภาษาไทย ที่รองรับบริบททางภาษา วัฒนธรรม และความต้องการเฉพาะของประเทศไทย โดยระยะแรกมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโมเดลพื้นฐานสำหรับต่อยอด (Foundation Model) และโมเดลเฉพาะทางด้านการแพทย์ จากความร่วมมือระหว่าง BDI และอีก 6 หน่วยงาน

ได้รับการการสนับสนุนจากกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ