การสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลภูมิสารสนเทศด้วย FOSS4G: ทำไมเราถึงอยากแนะนำ

การสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลภูมิสารสนเทศด้วย FOSS4G: ทำไมเราถึงอยากแนะนำ

10 เมษายน 2567

ในปัจจุบัน การจัดการข้อมูลเชิงพื้นที่หรือข้อมูลภูมิศาสตร์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อองค์กรต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การวางแผนการพัฒนาเมือง การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ จัดการระบบขนส่ง ติดตามการแพร่กระจายของโรค ฯลฯ

ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System หรือ GIS) จึงถูกนำมาใช้เพื่อช่วยในการจัดการข้อมูลเชิงพื้นที่เหล่านี้ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาระบบ GIS สำหรับองค์กรนั้นมีความซับซ้อนและต้องการการพิจารณาที่รอบคอบ

สำหรับ GIS ความจริงคือมันสามารถทำอะไรได้มากมาย แต่คำตอบสั้น ๆ คือ: GIS ช่วยให้คุณสามารถมองเห็นข้อมูลของคุณในรูปแบบแผนที่ได้

ภาพที่ 1 GIS = Maps + Data

              สำหรับองค์กรที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ต้องการความยืดหยุ่นในการปรับแต่งซอฟต์แวร์ และมีความเชี่ยวชาญด้านไอทีที่เพียงพอ การเลือกใช้ซอฟต์แวร์ทางภูมิศาสตร์แบบฟรีหรือโอเพ่นซอร์ส (Free and Open Source Software for Geospatial หรือ FOSS4G) ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ขององค์กร และสามารถช่วยในการลดค่าใช้จ่ายได้ โดยในบทความนี้เราจะทำความรู้จักกับระบบ Geospatial Data Platform โดยใช้ FOSS4G และแนวทางการพิจารณานำมาใช้ในองค์กรของท่านกันนะครับ

ภาพที่ 2 Free and Open Source Software for Geospatial หรือ FOSS4G (link)

แพลตฟอร์มข้อมูลภูมิสารสนเทศ (Geospatial Data Platform) คืออะไร?

แพลตฟอร์มข้อมูลภูมิสารสนเทศ เป็นระบบที่ออกแบบมาเพื่อจัดการ วิเคราะห์ แสดงภาพ และแบ่งปันข้อมูลเชิงพื้นที่ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางสำหรับข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งขององค์กร ช่วยให้องค์กรสามารถรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ และทำการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ รวมถึงสร้างแผนที่ได้

สถาปัตยกรรมของแพลตฟอร์มข้อมูลภูมิสารสนเทศ ประกอบด้วย 3 ชั้นหลัก (Layers) ได้แก่

  1. ชั้นผู้ใช้งาน (User Interface Layer)
  2. ชั้นแอปพลิเคชันเซิร์ฟเวอร์ (Application Server Layer)
  3. ชั้นที่เก็บข้อมูล (Data Storage Layer) ในแต่ละชั้นจะมีซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่รองรับการทำงานของระบบ

ตัวอย่างสถาปัตยกรรมของแพลตฟอร์มข้อมูลภูมิสารสนเทศ (ภาพที่ 3) ที่ใช้ซอฟต์แวร์ FOSS4G อาจประกอบด้วย

  1. Mapstore2 สำหรับการแสดงผลแผนที่บนเว็บ รวมไปถึงการทำ GIS Dashboard และ Geostory
  2. GeoServer สำหรับการให้บริการข้อมูลผ่าน API  
  3. PostGIS สำหรับจัดเก็บข้อมูลเวกเตอร์ (ในส่วนของข้อมูลราสเตอร์ เราสามารถจัดเก็บในรูปแบบไฟล์)
  4. QGIS Desktop สำหรับให้นักวิเคราะห์ข้อมูลสามารถเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลได้
ภาพที่ 3 ตัวอย่างสถาปัตยกรรมของแพลตฟอร์มข้อมูลภูมิสารสนเทศโดยใช้ FOSS4G (link)

ประเด็นที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกใช้ FOSSG

ในการเลือกใช้ซอฟต์แวร์ FOSS4G นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและสภาพแวดล้อมการทำงานขององค์กร เช่น ระบบปฏิบัติการที่ใช้งาน การติดตั้งระบบภายในองค์กรเอง (On-Premise) หรือบนคราวน์ (Cloud) เป็นต้น นอกจากนี้ยังต้องพิจารณาถึงความสามารถและฟังก์ชันการทำงานที่ต้องการด้วย

สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความต้องการสูง ระบบอาจประกอบด้วยส่วนประกอบที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น ระบบสำรองข้อมูลแบบสำรองกันเอง (Self-backup Systems) เพื่อลดปัญหาการหยุดชะงักของระบบ หรือใช้ระบบกระจายภาระงาน (Load Balancer) เพื่อรองรับปริมาณการใช้งานที่สูงขึ้น

การนำแพลตฟอร์มข้อมูลภูมิสารสนเทศที่ใช้ซอฟต์แวร์ FOSS4G มาใช้งานนั้นมีข้อดีหลายประการ เช่น มีต้นทุนที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับการใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ไม่มีปัญหาการผูกขาดจากผู้ผลิตซอฟต์แวร์รายใดรายหนึ่ง สามารถกำหนดนโยบายการใช้งานซอฟต์แวร์ได้อย่างอิสระตามความต้องการขององค์กร และมีอิสระในการบริหารจัดการต้นทุนในอนาคต เนื่องจากสามารถคาดการณ์ต้นทุนได้อย่างแม่นยำจากการศึกษารหัสซอร์สโค้ด

นอกจากนี้ ยังมีชุมชนพัฒนาซอฟต์แวร์ FOSS4G ที่มีขนาดใหญ่และแข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์มีความต่อเนื่องและปรับปรุงอยู่ตลอดเวลา รวมถึงมีผู้เชี่ยวชาญด้าน FOSS4G จำนวนมากทั่วโลกที่สามารถให้บริการฝึกอบรม ปรึกษา และพัฒนาซอฟต์แวร์เพิ่มเติมได้ตามความต้องการอย่างไรก็ตาม การนำ FOSS4G มาใช้งานก็มีข้อจำกัดและความท้าทายบางประการ เช่น การขาดสิ่งอำนวยความสะดวกบางอย่างที่ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปมีให้ ความจำเป็นที่จะต้องมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ รวมถึงการต้องบริหารจัดการระบบด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดเหล่านี้สามารถแก้ไขได้ด้วยการวางแผนและเตรียมความพร้อมที่ดีบทสรุป

โดยสรุปแล้ว การสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลภูมิสารสนเทศด้วยซอฟต์แวร์ FOSS4G เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับองค์กรที่ต้องการความคล่องตัวและการเป็นเจ้าของข้อมูลและระบบอย่างแท้จริง แต่ก็ต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบและเตรียมความพร้อมด้านบุคลากรและทรัพยากรที่เหมาะสมเพื่อให้การนำระบบมาใช้งานประสบความสำเร็จ

ท้ายสุดแล้วทางก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้งาน FOSS4G อยากจะฝากข้อคิดสำหรับการพิจารณา ดังต่อไปนี้

  • ศึกษาความต้องการใช้งานของคุณอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจเลือกซอฟต์แวร์ GIS
  • พิจารณาข้อดีและข้อเสียของ FOSS4G เทียบกับซอฟต์แวร์ GIS เชิงพาณิชย์
  • ทดสอบใช้งาน FOSS4G ก่อนตัดสินใจใช้งานจริง
  • หาผู้เชี่ยวชาญ FOSS4G ที่สามารถให้ความช่วยเหลือได้

สำหรับท่านใดที่สนใจหรือมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลภูมิสารสนเทศด้วยซอฟต์แวร์ FOSS4G ทางเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้คำปรึกษา และท้ายที่สุดนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคนนะครับ

บทความโดย นววิทย์ พงศ์อนันต์
ตรวจทานและปรับปรุงโดย วีรภัทร สาธิตคณิตกุล

เอกสารอ้างอิง

https://balticgitconf.eu/session/building-enterprise-gis-with-open-source-software/
https://geonode.org
https://mangomap.com/what-is-gis

Formal Senior Data Scientist at Big Data Institute (Public Organization), BDI

แบ่งปันบทความ

กลุ่มเนื้อหา

แท็กยอดนิยม

แจ้งเรื่องที่อยากอ่าน

คุณสามารถแจ้งเรื่องที่อยากอ่านให้เราทราบได้ !
และเราจะนำไปพัฒนาบทความให้มีเนื้อหาที่น่าสนใจมากขึ้น

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ “นโยบายคุ้กกี้” และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ “ตั้งค่า”

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ BDI ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ BDI รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ BDI ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ BDI ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ (Functional Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของ BDI จดจำตัวเลือกต่าง ๆ ที่ท่านได้ตั้งค่าไว้และช่วยให้เว็บไซต์ส่งมอบคุณสมบัติและเนื้อหาเพิ่มเติมให้ตรงกับการใช้งานของท่านได้ เช่น ช่วยจดจำชื่อบัญชีผู้ใช้งานของท่าน หรือจดจำการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าขนาดฟอนต์หรือการตั้งค่าต่าง ๆ ของหน้าเพจซึ่งท่านสามารถปรับแต่งได้ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ BDI ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ BDI แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า
ไซต์นี้ลงทะเบียนกับ wpml.org ในฐานะไซต์พัฒนา สลับไปยังไซต์การผลิตโดยใช้รหัส remove this banner.