เมื่อปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถแปลการทำงานของสมองเป็นข้อความได้

เมื่อปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถแปลการทำงานของสมองเป็นข้อความได้

29 เมษายน 2563

 

ปัจจุบันระบบการแปลรูปแบบการทำงานของสัญญาณประสาทมนุษย์ ใช้การวิเคราะห์สัญญาณในขณะที่มนุษย์กำลังพูดออกเสียงได้เท่านั้น แต่นักวิทยาศาสตร์กำลังพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถแปลรูปแบบการทำงานของสัญญาณประสาทออกมาเป็นข้อความ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยที่ไม่สามารถพูดหรือพิมพ์ข้อความ ให้สามารถสื่อสารได้

Dr. Joseph Makin หนึ่งในทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟานซิโก (University of California, San Francisco) ให้สัมภาษณ์กับ The Guardian ว่า สิ่งนี้จะสามารถเป็นพื้นฐานของอุปกรณ์สื่อสารแทนการพูดได้ โดยงานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิทยาศาสตร์ Nature Neuroscience เปิดเผยวิธีการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์โดยผู้เข้าร่วมวิจัยเป็นผู้ที่ได้รับการฝังอุปกรณ์ส่งสัญญาณไฟฟ้า (Electrode arrays implant) ในสมอง สำหรับการติดตามโรคลมชัก (Epilepsy) และอาการชัก (Seizures) อยู่แล้ว

Electroencephalogram (EEG) Brain Scan (แหล่งที่มาจาก www.the-scientist.com)

 

การวิจัยเริ่มจาก ผู้เข้าร่วมวิจัยทำการอ่านออกเสียงประโยคจำนวน 50 ประโยคหลาย ๆ ครั้ง ตัวอย่างประโยคเช่น “Tina Turner is a pop singer” และ “Those thieves stole 30 jewels” โดยทีมนักวิจัยจะเฝ้าติดตามการทำงานของสัญญาณประสาทขณะที่ผู้เข้าร่วมวิจัยพูดประโยคต่าง ๆ เหล่านั้น

ข้อมูลสัญญาณประสาทที่ได้จะถูกนำเข้าสู่อัลกอริทึม (Machine learning algorithm) ซึ่งเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์แบบหนึ่งที่สามารถแปลงข้อมูลการทำงานของสัญญาณประสาทในสมอง (Brain activity data) ของแต่ละประโยคที่พูดนั้นให้เป็นชุดตัวเลข และเพื่อให้มั่นใจว่าชุดตัวเลขที่ได้นั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมิติด้านอื่นนอกเหนือจากการพูด ระบบปัญญาประดิษฐ์จะทำเปรียบเทียบเสียงที่พยากรณ์ได้จากข้อมูลการทำงานของสัญญาณประสาทในสมอง (Brain activity data) กับเสียงพูดของผู้เข้าร่วมวิจัยที่บันทึกไว้  จากนั้นชุดตัวเลขดังกล่าวจึงจะถูกนำเข้าไปในส่วนที่สองของระบบเพื่อทำการแปลงเป็นคำ

ในช่วงแรก ระบบยังแปลงออกมาเป็นประโยคที่อ่านไม่รู้เรื่อง แต่เมื่อระบบได้เปรียบเทียบลำดับของคำแต่ละคำกับประโยคจริงที่อ่านออกเสียง ทำให้ระบบค่อยๆ  เรียนรู้ความสัมพันธ์ของชุดตัวเลขกับคำ และลำดับของคำ ทำให้สามารถแปลงออกมาเป็นประโยคที่เริ่มสื่อสารเข้าใจได้ จากนั้นทีมนักวิจัยจึงเพิ่มการทดสอบระบบ โดยให้สร้างข้อความที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากการทำงานของสัญญาณประสาทในสมอง (brain activity) ในระหว่างการพูด

ระบบปัญญาประดิษฐ์ดังกล่าวนี้ยังพัฒนาได้ไม่สมบูรณ์ ยังพบข้อผิดพลาด เช่น “Those musicians harmonize marvelously” ถูกแปลเป็น “The spinach was a famous singer” หรือ “A roll of wire lay near the wall” ถูกแปลเป็น “Will robin wear a yellow lily” อย่างไรก็ตามความถูกต้องแม่นยำของระบบที่พัฒนาใหม่นี้ยังสูงกว่าวิธีการก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก โดยค่าความถูกต้องแม่นยำนั้นมีความแตกต่างกันระหว่างบุคคล โดยพบว่าผู้เข้าร่วมวิจัยท่านหนึ่ง มีอัตราความผิดพลาดสำหรับการแปลประโยคเพียง 3% ซึ่งน้อยกว่านักถอดเสียงมืออาชีพที่มีอัตราความผิดพลาดในการแปลประโยคอยู่ที่ 5%

นอกจากนี้จากผลการทดลองยังพบว่า ถ้าแปลประโยคอื่นนอกเหนือจาก 50 ประโยคที่ใช้นั้น ความถูกต้องจะลดลง Dr. Joseph Makin กล่าวเสริมว่า ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังพัฒนานี้ค่อนข้างจะขึ้นกับการผสมผสานระหว่างการเรียนรู้ประโยคที่เฉพาะเจาะจง การแยกแยะคำจากการทำงานของสัญญาณประสาทในสมอง และการรับรู้รูปแบบทั่วไปในภาษาอังกฤษ

Dr. Christian Herff ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยแมสทริชท์ (Maastricht University) ผู้ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานวิจัยนี้ กล่าวว่า งานวิจัยดังกล่าวเป็นการวิจัยที่น่าสนใจ เพราะระบบปัญญาประดิษฐ์นี้ใช้เวลาน้อยกว่า 40 นาทีสำหรับการฝึกอัลกอริทึมด้วยข้อมูลของผู้เข้าร่วมวิจัยแต่ละคน แทนที่จะต้องใช้เวลาหลายล้านชั่วโมงที่โดยทั่วไปจำเป็นต้องใช้ และกล่าวอีกว่า “ด้วยความสามารถเช่นนี้ จะทำให้บรรลุระดับความแม่นยำที่สูงขึ้น” อย่างไรก็ดี เขาตั้งข้อสังเกตว่า ระบบนี้ยังไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้สำหรับผู้ป่วยที่มีความบกพร่องทางด้านการพูดหรือการพิมพ์ข้อความได้ เนื่องจากระบบนี้ยังต้องอาศัยการศึกษาการทำงานของสัญญาณประสาทในสมองที่บันทึกจากการพูดออกเสียง Dr. Christian Herff กล่าวเสริมว่า “มันไม่ใช่การอ่านความคิด แต่เป็นการถอดรหัสการทำงานของสัญญาณประสาทในสมองที่เกี่ยวข้องกับการพูด ดังนั้น ผู้คนไม่ควรต้องกังวลเกี่ยวกับการที่คนอื่นจะอ่านความคิดของพวกเขา”

Dr. Mahnaz Arvaneh ผู้เชี่ยวชาญด้านฺการติดต่อสื่อสารระหว่างสมองและเครื่องจักร (Brain-Machine Interface) จากมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ (Sheffield University) กล่าวว่า

“สิ่งที่สำคัญคือการพิจารณาประเด็นทางจริยธรรม พวกเรายังคงห่างไกลมากจากจุดที่เครื่องจักรสามารถอ่านใจพวกเราได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเราไม่ควรตระหนัก หรือไม่ควรวางแผนเกี่ยวกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต”

แบ่งปันบทความ

กลุ่มเนื้อหา

แท็กยอดนิยม

แจ้งเรื่องที่อยากอ่าน

คุณสามารถแจ้งเรื่องที่อยากอ่านให้เราทราบได้ !
และเราจะนำไปพัฒนาบทความให้มีเนื้อหาที่น่าสนใจมากขึ้น

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ “นโยบายคุ้กกี้” และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ “ตั้งค่า”

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ BDI ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ BDI รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ BDI ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ BDI ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ (Functional Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของ BDI จดจำตัวเลือกต่าง ๆ ที่ท่านได้ตั้งค่าไว้และช่วยให้เว็บไซต์ส่งมอบคุณสมบัติและเนื้อหาเพิ่มเติมให้ตรงกับการใช้งานของท่านได้ เช่น ช่วยจดจำชื่อบัญชีผู้ใช้งานของท่าน หรือจดจำการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าขนาดฟอนต์หรือการตั้งค่าต่าง ๆ ของหน้าเพจซึ่งท่านสามารถปรับแต่งได้ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ BDI ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ BDI แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า
ไซต์นี้ลงทะเบียนกับ wpml.org ในฐานะไซต์พัฒนา สลับไปยังไซต์การผลิตโดยใช้รหัส remove this banner.