เรื่องน่ารู้ของ SUSHIRO กับการนำข้อมูลมาบริหารงานจนกลายเป็นร้านซูชิสายพานชั้นนำ

เรื่องน่ารู้ของ SUSHIRO กับการนำข้อมูลมาบริหารงานจนกลายเป็นร้านซูชิสายพานชั้นนำ

17 กรกฎาคม 2566
เรื่องน่ารู้ของ SUSHIRO กับการนำข้อมูลมาบริหารงานจนกลายเป็นร้านซูชิสายพานชั้นนำ

ทุกท่านเคยสงสัยไหมครับว่า แบรนด์ซูชิสายพานชื่อดังอย่าง SUSHIRO ทำไมถึงมียอดขายอันดับ 1 ในญี่ปุ่น และยังคงมียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ?

โดยวันนี้เราจะมาเจาะลึกกันดูว่า ร้านซูชิสายพานที่มองจากภายนอก ก็เหมือนร้านซูชิสายพานอื่น ๆ ทั่ว ๆ ไปนั้นมีกลยุทธ์อะไรแอบแฝงเอาไว้ ซึ่งนำพาความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่มาให้กับทาง SUSHIRO กันครับ

การปรับตัวตามพฤติกรรมของลูกค้า และสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้พฤติกรรมของประชากรในการรับประทานอาหาร มีการเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร โดยทาง SUSHIRO ได้เห็นถึงพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไป จากปกติที่ลูกค้าส่วนใหญ่ หรือเกือบหมดทั้งร้านมักจะหยิบจานซูชิที่ตัวเองต้องการจากบนสายพาน แต่กลับกันในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ที่มีวัยรุ่นญี่ปุ่นคนหนึ่งลงคลิปอมขวดโชยุ, เลียขอบถ้วยน้ำชา และเอาน้ำลายป้ายบนซูชิที่อยู่บนสายพาน (Source: https://www.amarintv.com/spotlight/business-marketing/detail/40488) จึงทำให้ลูกค้าเกิดความไม่สบายใจ และหันมาใช้การสั่งเมนูซูชิจากหน้าจอแทน ซึ่งทำให้ทาง SUSHIRO ได้วางแผนพัฒนาระบบ ให้มีการทำงานที่รวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้นรวมถึงการเพิ่ม feature ต่าง ๆ ในการใช้งานที่ตอบโจทย์ลูกค้า

นอกจากนี้ทาง SUSHIRO ยังเล็งเห็นถึงการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำให้เกิด ประสบการณ์ไร้สัมผัส หรือเรียกว่า Contactless โดยเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ทาง SUSHIRO นำมาใช้เช่น 1. การคำนวณเงินของลูกค้า และสามารถนำไปจ่ายได้เองแบบอัตโนมัติ ผ่านตู้ที่ตั้งอยู่บริเวณทางออกของร้าน ซึ่งจะค่อนข้างคล้ายกับการจ่ายเงินแบบ prompt pay ที่หลาย ๆ ร้านก็ได้มีการนำมาใช้กัน แต่สิ่งที่ต่างกันคือ ลูกค้าไม่จำเป็นที่จะต้องนำใบเสร็จ ไปยื่นที่เคาน์เตอร์ ให้กับพนักงานก่อนที่จะจ่ายเงิน 2. มีจุดรับสินค้าล็อกเกอร์ เมื่อลูกค้าต้องการสั่งอาหารแบบกลับบ้าน

รูปที่ 1 แท็บเล็ตสำหรับสั่งอาหารและ เรียกพนักงาน (Source: https://www.marumura.com/sushiro-thailand-opening/)

เทคโนโลยี IC TAG เพื่อตรวจจับและวิเคราะห์แบบเรียลไทม์กับ Big Data

เทคโนโลยี IC Chip Tag ถือเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดของ SUSHIRO ซึ่งตัว IC Chip Tag นั้นจะเป็นอุปกรณ์เหมือนปุ่ม สีดำติดไว้อยู่ด้านล่างของจานซูชิแต่ละใบ โดยที่อุปกรณ์ตัวนี้จะช่วยในการตรวจจับและเก็บข้อมูลว่า จานซูชิที่อยู่บนสายพานนั้นถูกหยิบออกไปบ่อยที่สุด ที่ตำแหน่งไหน ประเภทอะไรบ้าง ตั้งแต่เมื่อไร จากนั้นจึงทำการส่งข้อมูลไปยัง Supply Instructions System ซึ่งอยู่ในครัวของทางร้าน SUSHIRO โดยระบบ Supply Instruction System จะทำการรับข้อมูลจาก IC Chip Tag มาวิเคราะห์ และให้ข้อมูลกับเชฟว่า เชฟควรจัดเตรียมจานซูชิชนิดใดบ้าง ในช่วงเวลานั้น ๆ  เพื่อให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าส่วนใหญ่นั่นเอง

นอกจากนี้ ตัว IC Chip Tag ก็ยังสามารถที่จะระบุได้ว่า ซูชิจานไหนที่ไม่มีคนหยิบเลยมานานเท่าไหร่แล้ว โดยการคำนวณจากระยะทางที่ ซูชิจานนั้นๆ ได้เคลื่อนที่ไปบนสายพาน ซึ่งถ้าหากซูชิจานใดมีระยะทางเกินกว่ามาตรฐาน ซึ่งก็คือ 350 เมตร ทางร้านก็จะทำการนำเอาซูชิจานนั้น ๆ ออกจากสายพานทันที เพื่อไม่ให้ลูกค้า ได้รับซูชิที่ไม่สดใหม่

เทคโนโลยีนี้ ยังสามารถช่วยลดการเกิดอาหารเหลือทิ้ง (Food Waste) ได้อีกเช่นกัน โดยในช่วงแรกที่ซูชิสายพานเข้ามาให้บริการ เชฟในแต่ละร้านจะไม่ทราบถึงความต้องการ ของลูกค้าที่แท้จริงได้ ทำให้เชฟต้องคาดการณ์วัตถุดิบที่จะเอามาใช้ด้วยตัวเอง ซึ่งถ้าหากคาดการณ์ผิดของเหล่านั้นก็จะกลายเป็นอาหารเหลือทิ้งทันที แต่ด้วยข้อมูลที่ถูกเก็บมาอย่างต่อเนื่องอย่างมหาศาล ผ่าน IC Chip Tag จนกลายเป็น Big Data นั้น ทำให้ทางร้านสามารถนำข้อมูลต่าง ๆ มาใช้วิธีการคำนวณทางสถิติ และทำการคาดการณ์เมนูต่าง ๆ ที่จะทำขึ้นมาในอนาคตให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างแท้จริงมากยิ่งขึ้น และยังสามารถลดการเกิดอาหารเหลือทิ้งจากปกติ 10% เหลือแค่เพียง 4% เท่านั้น

รูปที่ 2 IC Chip Tag (Source: https://www.marumura.com/sushiro-thailand-opening/)

เทคโนโลยีเครื่องจักรผลิตข้าวปั้นเสมือนมนุษย์

นอกจากนี้ทางร้าน SUSHIRO นั้นยังนำเอาเครื่องจักรสำหรับผลิตข้าวปั้นมาใช้ แต่ว่าเครื่องจักรเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องจักรทั่ว ๆ ไปที่เหมือนกับโรงงานอุตสาหกรรม เนื่องจากเครื่องจักรที่ทางร้านนำมาใช้นั้นสามารถที่จะปั้นข้าวปั้นได้เทียบเท่ากับฝีมือมนุษย์ปั้น โดยที่ข้าวปั้นนั้นจะมีอุณหภูมิเดียวกันอุณภูมิของคน และยังสามารถผลิตข้าวปั้นได้ถึง 3,600 ก้อนต่อชั่วโมง

โดยกระบวนการนี้จะช่วยทำให้ร้าน SUSHIRO สามารถทำออเดอร์ตามที่ลูกค้าต้องการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าไม่ต้องเสียเวลารอนาน และ สอดคล้องกับมาตรฐานของทางร้านที่ว่า เมนูที่ลูกค้าสั่งนั้น จะต้องไปเสิร์ฟถึงโต๊ะผ่านรถไฟขบวนจิ๋วภายใน 3 นาทีนับจากเวลาที่ลูกค้ากดสั่ง

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวก็ไม่สามารถที่จะทำทุกอย่างได้ พนักงานในร้านก็ถือเป็นส่วนสำคัญ เช่น การทำความสะอาดภายในร้าน และการวางซูชิลงบนสายพาน เป็นต้น

สุดท้ายนี้

การนำเทคโนโลยีและ Big Data เข้ามาใช้ในการบริหารธุรกิจนั้น อาจไม่ใช่เรื่องใหม่ เนื่องจากหลาย ๆ บริษัทก็ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีและ Big Data มาใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ปัจจัยสำคัญคือการนำข้อมูลเหล่านั้น มาใช้ให้ถูกทางและเกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งทำให้ SUSHIRO นั้นเป็น 1 ในร้านซูชิสายพานที่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน และในอนาคตทาง SUSHIRO ก็อาจมีกลยุทธ์ใหม่ๆ ที่สร้างความน่าสนใจให้กับพวกเราได้อีกมากมาย มาคอยจับตาดูกันครับ

เขียนโดย ทิติยะ ตรีทิพไกวัลพร
เรียบเรียงและแก้ไขโดย อนันต์วัฒน์ ทิพย์ภาวัต

แบ่งปันบทความ

กลุ่มเนื้อหา

แท็กยอดนิยม

แจ้งเรื่องที่อยากอ่าน

คุณสามารถแจ้งเรื่องที่อยากอ่านให้เราทราบได้ !
และเราจะนำไปพัฒนาบทความให้มีเนื้อหาที่น่าสนใจมากขึ้น

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ “นโยบายคุ้กกี้” และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ “ตั้งค่า”

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ BDI ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ BDI รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ BDI ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ BDI ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ (Functional Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของ BDI จดจำตัวเลือกต่าง ๆ ที่ท่านได้ตั้งค่าไว้และช่วยให้เว็บไซต์ส่งมอบคุณสมบัติและเนื้อหาเพิ่มเติมให้ตรงกับการใช้งานของท่านได้ เช่น ช่วยจดจำชื่อบัญชีผู้ใช้งานของท่าน หรือจดจำการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าขนาดฟอนต์หรือการตั้งค่าต่าง ๆ ของหน้าเพจซึ่งท่านสามารถปรับแต่งได้ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ BDI ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ BDI แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า
ไซต์นี้ลงทะเบียนกับ wpml.org ในฐานะไซต์พัฒนา สลับไปยังไซต์การผลิตโดยใช้รหัส remove this banner.