เทคโนโลยี AI ที่จะปฏิวัติการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)

เทคโนโลยี AI ที่จะปฏิวัติการซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency)

05 พฤษภาคม 2564
ที่มา : The Financial Express

นวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้ง ได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทุกด้านของโลก ซึ่ง ณ ตอนนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าองค์กร หรือ อุตสาหกรรมใด ๆ นั้น อยากที่จะมีปัญญาประดิษฐ์ หรือที่ เรียกว่า AI ที่มีความก้าวหน้า และมีความสามารถในการเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำ เข้ามาเป็นหนึ่งในกระบวนการทำงานขององค์กร แต่ยังมีอีกหัวข้อที่ฮอตฮิตและถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมากตั้งแต่ต้นปี 2021 คู่ขนานกับ AI นั้นก็คือ คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ถึงขนาดที่ว่าเมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Elon Musk ได้ออกมาประกาศว่าสามารถใช้ Bitcoin (หนึ่งในสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกของคริปโทเคอร์เรนซี) ซื้อรถ Tesla ได้

จากข้อความที่กล่าวมานั้นแสดงให้เห็นได้ว่าคริปโทเคอร์เรนซีกำลังเข้ามามีบทบาทอย่างมาก ณ ขณะนี้ไม่แพ้กันกับปัญญาประดิษฐ์ โดยบทความนี้จะพูดถึงว่าปัญญาประดิษฐ์จะเข้ามามีบทบาทในยุคของคริปโทเคอร์เรนซีอย่างไร ลองติดตามอ่านจากบทความนี้ได้เลยค่ะ

ปัญญาประดิษฐ์ทำให้เกิดเทคโนโลยี ดั่งที่บล็อกเชนทำให้เกิดอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี หลายบริษัทสตาร์ทอัพมีความกระหายที่จะได้เงินหรือได้ประโยชน์ จากกระบวนการวิเคราะห์เชิงลึกของปัญญาประดิษฐ์นี้ ที่มีความฉลาดคล้ายคลึงมนุษย์ และสามารถก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นการกระทำได้ ดังนั้นบริษัทที่มีการนำปัญญาประดิษฐ์มาประยุกต์ใช้ในกระบวนการทำงานจึงสามารถดึงดูดเงินทุนได้มากกว่าบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆถึง 15-50%

ในภาคการเงินแบบดั้งเดิม อย่างเช่นตลาดหุ้นนั้น ระบบปัญญาประดิษฐ์ได้เข้ามามีบทบาทอย่างมาก ในด้านการใช้ดูแลพอร์ตการลงทุน หรือในการวิเคราะห์เพื่อคัดเลือกหุ้นมาลงทุนในแต่ละช่วงเวลาโดยมีหลักฐานที่น่าสนใจที่แสดงให้เห็นว่าปัญญาประดิษฐ์นั้นสามารถตัดสินใจซื้อขายหุ้นได้ดีกว่ามนุษย์ อีกทั้งยังมีการศึกษาล่าสุดพบว่าคอมพิวเตอร์สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีในแง่ของการตัดสินใจในการลงทุนได้ดีกว่าการจัดการโดยคนอย่างมีนัยสำคัญ แล้วในโลกการลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง? ปัญญาประดิษฐ์จะส่งผลกระทบอะไรต่ออุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี? ท้ายที่สุดการเพิ่มขึ้นของปัญญาประดิษฐ์จะทำให้การเทรดโดยมนุษย์ล้าสมัยลงไปหรือไม่?

ด้วยการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งสามารถสร้างวันซื้อขายได้หลายล้านล้านวันและทำให้เกิดการซื้อขายแบบอัลกอริทึมที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่ามนุษย์ การตัดสินใจโดยใช้ข้อมูลเป็นหลักนั้นจะช่วยขจัดสิ่งที่ครอบงำนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่มีอคติเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งจะสามารถป้องกันไม่ให้พวกเขาดำเนินการซื้อขายอย่างไร้เหตุผล

คอมพิวเตอร์ที่ได้รับการฝึกฝนด้วยการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) อย่างต่อเนื่องจะทำให้เกิดข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำกว่ามนุษย์ สิ่งนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วและตอนนี้ได้ถูกนำไปใช้กับภาคส่วนคริปโทเคอร์เรนซี ด้วยผลลัพธ์ที่น่าเชื่อที่พอกันกับความสามารถของมนุษย์

แล้วปัญญาประดิษฐ์คืออะไร?

ที่มา : Medium

ปัญญาประดิษฐ์เป็นองค์ประกอบรวม เกี่ยวกับการสร้างเครื่องจักรที่มีความชาญฉลาดและมีความสามารถเพียงพอที่จะทำงานที่โดยปกติแล้วจะต้องใช้ข้อมูลและสติปัญญาของมนุษย์ ในวันนี้ปัญญาประดิษฐ์และ Machine Learning ได้นำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่มาสู่ทุกภาคส่วนของโลกเศรษฐกิจสังคมและตลาดคริปโทเคอร์เรนซีก็อยู่ในกลุ่มนี้เช่นกัน

แล้วคริปโทเคอร์เรนซีล่ะ คืออะไร

ที่มา : Steemit

หากจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ Cryptocurrency ก็คือ เงินตราเข้ารหัสลับโดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Blockchain ที่เก็บข้อมูลแบบกระจายออกไปหลาย ๆ ส่วน หลาย ๆ ก้อนที่เชื่อมโยงกันเหมือนโซ่ ไม่มีศูนย์กลาง ไม่มีการควบคุมจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งคริปโทเคอร์เรนซีก็ถือเป็นเด็กใหม่ในภาคกลุ่มการเงิน โดยนับตั้งแต่ปี 2017 ได้มีการพูดถึงอย่างกว้างขว้างถึงการเติบโตของสกุลเงินนี้ ผู้คนนับล้านได้เข้าสู่วงการคริปโทเคอร์เรนซี อีกทั้งปัญญาประดิษฐ์ก็มีศักยภาพอย่างมากที่จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีในหลากหลายด้านอย่างมีนัยสำคัญ

  • การประมาณการและการคาดการณ์
ที่มา : Unsplash

ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีความผันผวนและเพื่อที่จะต่อสู้กับความผันผวนของมูลค่าคริปโทเคอร์เรนซี นักพัฒนาจึงได้สร้างแบบจำลองจากเครือข่ายประสาทประดิษฐ์ (Neural Network) ไว้รองรับ โดยที่มีความแม่นยำมากขึ้นในการคาดการณ์ พวกมันสามารถวิเคราะห์อัตราแลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซีที่มีอยู่ เพื่อคาดการณ์สถานการณ์ของตลาดได้เป็นรายนาที โดยความสำคัญของการคาดการณ์ขึ้นอยู่กับพลังการคำนวณของคอมพิวเตอร์ ความซับซ้อนของแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ใช้ และสิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ คือ คุณภาพกับปริมาณของข้อมูลที่วิเคราะห์

  • การเทรดด้วยความถี่สูง
ที่มา : Coin Bureau

การเทรดด้วยความถี่สูง (High Frequency Trading) ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในวงการคริปโทเคอร์เรนซี ทำให้ปัญญาประดิษฐ์สามารถที่จะเป็นตัวเปลี่ยนเกมได้ การเทรดด้วยความถี่สูง เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ตัวบ่งชี้ทางเทคนิคเฉพาะบนแพลตฟอร์มการซื้อขายแลกเปลี่ยนที่หลากหลาย โดยเป้าหมายหลักคือการตอบสนองต่อการซื้อขายที่เร็วขึ้นและใช้ประโยชน์จากการพุ่งขึ้นของราคาได้อย่างมีนัยสำคัญ

การเทรดด้วยความถี่สูงนี้ใช้พลังของปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์สัญญาณทางเทคนิคในหลาย ๆ ตลาดพร้อมกัน และดำเนินการส่งคำสั่งซื้อขายในตลาดหุ้น และตลาดแลกเปลี่ยนต่าง ๆ เพื่อตอบสนองต่อการซื้อขายที่เคลื่อนไหวได้อย่างสอดคล้องและราบรื่นโดยอัตโนมัติ ทำให้มีคำสั่งซื้อขายจำนวนมากภายในไม่กี่วินาที ตัวอย่างเช่น ปัญญาประดิษฐ์ ได้ทำการซื้อแล้วขายหุ้นตัวเดียวกันในราคาเดียวกันซ้ำ ๆ หลาย ๆ รอบ เพื่อเป็นการหยั่งเชิงล่อให้นักลงทุนรายอื่นมาเล่นตาม หากมีแรงซื้อเข้ามาก็จะดันขึ้นไปสัก 2-3 ช่องแล้วขายทำกำไร และจะมีพฤติกรรมลักษณะดังกล่าวนี้อีกหลายรอบซึ่งไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถทำได้ การใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการเทรดนั้นนักลงทุนสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้ซอฟต์แวร์ใช้พารามิเตอร์แบบไหนในการตัดสินใจดำเนินการ

  • การวิเคราะห์ความรู้สึก (Sentiment Analysis)
ที่มา : iStockPhoto

การวิเคราะห์ความรู้สึก (Sentiment Analysis) หรือที่ เรียกกันว่า การขุดคุ้ยค้นหาความคิดเห็น (Opinion Mining) นั้นเป็นศาสตร์ย่อยศาสตร์หนึ่งของการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) ซึ่งกระบวนการนี้จะพยายามระบุและสกัดเอาความคิดเห็นออกมาจากข้อความที่กำหนด รวมไปถึง การวิเคราะห์ข้อมูลจากบล็อก บทความ โซเชียลมีเดีย กระดานข้อความที่เกี่ยวกับหุ้น กระแสข่าวในสังคม การถอดเสียงวิดีโอ และแหล่งข้อมูลอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อทำความเข้าใจกับความรู้สึกของตลาดในหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง ณ ขณะนั้น เพราะอารมณ์ความรู้สึกอาจเป็นแต้มต่อที่มีผลมากที่สุดสำหรับนักลงทุน อิทธิพลของมันที่มีต่อการตัดสินใจลงทุนนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ Machine Learning และปัญญาประดิษฐ์นั้นสามารถช่วยวิเคราะห์ข้อความตัวอักษรจากหลายแหล่งเพื่อสกัดหาและตรวจจับอารมณ์ความรู้สึกของตลาดได้อย่างละเอียดแม่นยำ สิ่งนี้จะช่วยให้การลงทุนของเรามีกำไรได้

  • การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน
ที่มา : Tradingacademy

หุ้นและคริปโทเคอร์เรนซีมีความคล้ายคลึงกันในหลาย ๆ ด้าน หนึ่งในความคล้ายคลึงกันนั้นก็คือ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเพื่อตัดสินใจซื้อขาย รวมถึงการประเมินมูลค่าเหรียญก็ต้องใช้การวัดปัจจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณเช่นกัน โดยปัญญาประดิษฐ์นั้นสามารถวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานได้รวดเร็วแม่นยำกว่ามนุษย์ อีกทั้งปัญญาประดิษฐ์ยังสามารถค้นหารูปแบบ (pattern) ที่เป็นตัวชี้นำราคาหุ้นในอนาคตได้อีกด้วย วิธีนี้ช่วยลดอคติที่มนุษย์อาจมีเมื่อทำการวิเคราะห์หลักทรัพย์ต่าง ๆ

ความคิดเห็นในช่วงท้าย

เพื่อให้ได้เปรียบในการแข่งขัน นักลงทุนได้นำเทคโนโลยีล่าสุดมาประยุกต์ใช้ และปัญญาประดิษฐ์ก็เป็นหนึ่งในนั้น ในขณะที่มีวิธีอื่น ๆ ที่สามารถช่วยให้นักลงทุนทั่วไปวิเคราะห์ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีได้ อย่างไรก็ตามยังต้องมีการใช้พลังของปัญญาประดิษฐ์ที่เปรียบเสมือนไฟส่องสว่างในทางที่มืดมนในตลาดเหล่านี้จนทำให้มีกำไรขึ้นได้ แม้จะมีประโยชน์ของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ในตลาด แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญ ที่จะต้องเข้าใจว่าปัญญาประดิษฐ์ไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์และมันก็ไม่ได้คาดการณ์ถูกต้องเสมอไปทุกครั้ง ปัญญาประดิษฐ์อาจเป็นเครื่องมือที่ล้ำค่าสำหรับการวิเคราะห์และการลงทุน แต่ท้ายสุดปัญญาประดิษฐ์ก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือชิ้นหนึ่งในกล่องที่มีเครื่องมือที่หลากหลายสำหรับการลงทุนและการซื้อขายโดยทั่วไปก็เท่านั้นเอง

ที่มา

https://medium.com/the-capital/ai-technology-revolutionizes-cryptocurrency-trading-e52a12dffd47

https://hackernoon.com/ai-and-cryptocurrency-interactions-you-may-not-know-about-r51431o1

Project Manager & Data Scientist at Big Data Institute (Public Organization), BDI

แบ่งปันบทความ

กลุ่มเนื้อหา

แท็กยอดนิยม

แจ้งเรื่องที่อยากอ่าน

คุณสามารถแจ้งเรื่องที่อยากอ่านให้เราทราบได้ !
และเราจะนำไปพัฒนาบทความให้มีเนื้อหาที่น่าสนใจมากขึ้น

ไอคอน PDPA

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ “นโยบายคุ้กกี้” และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ “ตั้งค่า”

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ BDI ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ BDI รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ BDI ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ BDI ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการใช้งานเว็บไซต์ (Functional Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะช่วยให้เว็บไซต์ของ BDI จดจำตัวเลือกต่าง ๆ ที่ท่านได้ตั้งค่าไว้และช่วยให้เว็บไซต์ส่งมอบคุณสมบัติและเนื้อหาเพิ่มเติมให้ตรงกับการใช้งานของท่านได้ เช่น ช่วยจดจำชื่อบัญชีผู้ใช้งานของท่าน หรือจดจำการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าขนาดฟอนต์หรือการตั้งค่าต่าง ๆ ของหน้าเพจซึ่งท่านสามารถปรับแต่งได้ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้อาจส่งผลให้เว็บไซต์ไม่สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ BDI ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ BDI แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า
ไซต์นี้ลงทะเบียนกับ wpml.org ในฐานะไซต์พัฒนา สลับไปยังไซต์การผลิตโดยใช้รหัส remove this banner.